เวลาขับรถไปตามถนนเลียบใต้ทางด่วน    จะสังเกตุเห็นผิวถนนทรุดตัวไปมาก    ที่เรารู้ก็เพราะสังเกตุเปรียบเทียบกับเสาทางด่วนที่ดูเหมือนจะไม่มีการทรุดตัว    ผิวถนนที่อยู่ใกล้กับตอม่อของเสาทางด่วนจะสูงกว่าผิวถนนบริเวณอื่นที่ทรุดตัวลง     ทำให้ถนนสูงๆต่ำๆเป็นคลื่นไปตลอด    นานๆจะมีเจ้าหน้าที่มาปาดเอาส่วนที่เป็นคลื่นออก  เพื่อให้ผิวถนนราบเรียบเท่ากัน

ปัญหาที่คาใจ  ก็คือ  แล้วตัวทางด่วนไม่ทรุดตัวตามพื้นดินไปบ้างเลยหรือ   จะรู้ได้ไงว่าทางด่วนไม่มีการทรุดตัว

สมัยอัลต์ชูลเลอร์ไม่มีเครื่องมือไฮเทคที่จะวัดระดับการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างได้   แต่นักเรียนระดับมัธยมก็สามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาสร้างเครื่องมือง่ายๆเพื่อวัดระดับการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างได้

ลองช่วยกันเสนอดูนะครับ   เผื่อเอาไปใช้ป้องกันภัยพิบัติของชาติได้

อาจารย์ตั้งคำถามมั่วนิ่มครับ
สมัยนู้นมีทางด่วนด้วยเหรอครับ ??

ผมไม่ใช่พวกโยธา เลยไม่ทราบนิยามแท้จริงว่า การทรุดตัว คืออะไร
คิดว่ายังไงคงต้องมี reference plane มาอ้างอิง จึงกำหนดได้ว่ามันทรุดหรือไม่
อย่างกรณีถนนใต้ทางด่วน นั่นก็ ref กับต่อม่อ  พอเห็นถนนเตี้ยกว่าเดิมก็สรุปกันเลยว่าถนนทรุด

ทำไมไม่มองว่าตอม่อลอยขึ้นบ้าง (คิดบ้าบออีกแล้ว ล้อเล่นครับ)

เคยมีคนถามว่าเวลาลูกบอลตกไปในหลุมแล้วเอามือล้วงไม่ถึง เป็นเพราะอะไร
ร้อยทั้งร้อยตอบว่า เพราะหลุมมันลึกไป
ทำไมไม่มีใครตอบว่า เพราะมือมันสั้นไปล่ะ

กลับมาที่คำถามครับ
คงหาวิธีที่ตอบว่ามันทรุดหรือเปล่าไม่ได้ แต่พอหาวิธีที่ช่วยให้รู้ว่ามันมีการขยับทางแนวดิ่งกันบ้างหรือไม่

วิธีที่เสนอคือใช้ระดับน้ำ mark เส้น reference ระหว่างเสาทางด่วนแต่ละคู่  (ใช้สายยางใสยาวๆมากๆใส่น้ำ) เมื่อตอนเริ่มต้น

เวลาต่อมา ถ้าจะทดสอบว่ามันมีการเลื่อนในแนวดิ่งหรือไม่ ก็ให้เอาสายยางระดับน้ำมา check เส้นเดิมทีละ 2 เสาว่ายังได้ระดับไหม
วิธีนี้ ถ้าทุกเสาเลื่อนขึ้นหรือลงเท่าๆกันเป๊ะก็ใช้ไม่ได้ครับ

โจทย์เดิมของอัลต์ชูลเลอร์จะเป็นหอคอยสูงใจกลางเมืองโดยมีภูเขาสูงที่อยู่ใหล้ๆเป็นระดับอ้างอิง   แต่มีตึกสูงมาบังเสียก่อน  เลยต้องใช้สายยางเติมน้ำลากยาวมาอย่างที่คุณวิสันต์บอก

อัลต์ชูเลอร์เป็นคนที่ไม่หวงวิชา  อย่างที่ท่านบอกไว้ใน ...Moreover, while TRIZ developer G.S. Altshuller was still alive, he repeatedly stated that TRIZ, as a science, must belong to all. He said that TRIZ must have no limitations. It is impossible to concentrate a single, authentic model in one pair of hands. He believed the monopolization of TRIZ to be unallowable.....(http://www.bangkaew.org/elearning/mod/forum/discuss.php?d=11)

แต่ไม่แน่ใจว่า ลูกศิษย์เอกทั้งหลายของท่าน( TRIZ Master )ที่ไปหากินอยู่ในประเทศทุนนิยมอย่างในยุโรปและอเมริกา จะมาอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไอเดียต่างๆหรือเปล่า  ก็เลยต้องดัดแปลงโจทย์ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน

ที่สำคัญ  โจทย์ข้อนี้ไม่ได้ไปตั้งเงื่อนไขว่ามีภูเขาสูงอยู่ใกล้ๆหรือมีตึกสูงบัง   เพื่อให้ผู้อ่านได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองได้อย่างอิสระเต็มที่

ลองคิดดูนะครับ  นอกจากวัดด้วยระดับน้ำแล้ว   จะมีวิธีพิศดารอย่างอื่นบ้างไหม    จะก้าวพ้นระดับมัธยมก็ได้  ไม่ว่ากัน

คุณวิสัน ถ้ามีเวลา ลองแวะมาคุยกันหน่อยที่งาน

TPA TRIZ TALK ครั้งที่ 2

เรื่อง 40 หลักการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ TRIZ

และการประยุกต์ใช้หลักการของ TRIZ ในการแก้ปัญหาทางด้านบริหาร

วัน ศุกร์ที่ 1 กันยายน 2549 เวลา 13.00-16.30 น .

ณ ห้องสัมมนา สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ( ไทย - ญี่ปุ่น )

ซอยพัฒนาการ 18 ถ . พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม .

ดูรายละเอียดที่ http://www.bangkaew.org/elearning/mod/forum/view.php?id=15

หรือ อีเมล์มายัง 

ช่ายเลยครับ

ผมค่อยข้างชื่นชมกับกระบวนการคิดของคุณ Wison

ถ้ามีเวลาอาจจะได้พบกันที่ TRIZ Talk 2 เช่นกัน

ต้องขอโทษจริงๆครับ ผมเปิดร้านอังคารถึงเสาร์ คงไปไม่ได้ถ้าไม่มีข้ออ้างเจ๋งๆขอแฟนลาหยุดงาน  จริงๆแล้วตอนนี้ผมเป็นแค่พ่อครัวโทรมๆ คงไม่เหมาะด้วยที่จะไปงาน ไม่รู้ว่าจะไปในฐานะอะไร ขึ้นรถเมล์ไปสายไหนก็ไม่รู้

แต่ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ช่วยคิด หรืออยากคุยส่วนตัว ก็ใช้ email นี่ได้ครับ

wisonb@buddybb.com

กลับมาที่โจทย์บ้าง

จริงๆโจทย์ของอาจารย์ก็ระบุแล้วว่าต้องการให้เด็กๆคิด แค่นี้ก็เป็นการจำกัดวิธีแก้ปัญหาไปเยอะแล้ว

เวลาคิด ก็แค่ย้อนวัยไปเป็นเด็กๆ แล้วมองหาวิธีง่ายๆก็คิดออก

โจทย์ประเภทนี้ ดีและไม่ดี กล่าวคือมันมีเฉลย  ดีตรงที่มีคำตอบแน่ๆ ไม่ใช่ปัญหากวน แต่ไม่ดีตรงที่ถ้าตอบไม่ตรง จะดูไม่เจ๋ง (แต่ผมเชื่อว่าต่อให้ตอบผิด หรือไม่ตรงเฉลย อาจารย์ก็ลากเข้ามาให้ตรงได้อยู่ดี)