ความขัดแย้งทางความคิดระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและรัฐบาลของนายกสมัครที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของอดีตนายกทักษิณที่กำลังเข้าขั้นแตกหักในขณะนี้    ถามว่าจะเอาทริซเข้าไปช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่

คำตอบ คือ แม้ว่าทริซจะถือกำเนิดขึ้นมาจากการค้นคว้าแนวทางการแก้ปัญหาของสิทธิบัตรต่างๆทางด้านวิศวกรรมก็ตาม  แต่ก็สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ไอเดียเพื่อแก้ปัญหาของระบบอื่นๆได้เช่น ระบบการบริหาร สังคม และ การเมือง

อยากฝากให้ทุกท่านได้ลองช่วยกันคิดสร้างสรรค์ไอเดียเพื่อแก้ปัญหาของความขัดแย้งทางความคิดในขณะนี้ดู

ท่านใดไม่ชอบเรื่องหนักๆ   ก็เอาเรื่องเบาๆอย่างของที่ 3 สาวในรูปข้างบนถืออยู่ในมือก็ได้  รับรองเบาแน่  ขนาดถือมือเดียว  ยังสบายๆ

ถามว่า สิ่งของที่ถืออยู่ในมือ 3 สาวนั้น  เป็นผลลัพท์ที่ได้มาจากการแก้ปัญหาอะไร

มองในมุมมองของทริซได้อย่างไรบ้าง

ความขัดแย้งของปัญหาคืออะไร

Ideal Final Result ที่ต้องการ คืออะไร

ใช้หลักการอะไรในการแก้ปัญหา

Improve / add  useful functions อะไร

Counteract / Eliminate harmful functions  อะไร

มีการใช้ Resources & Effects อะไรบ้าง

ใครไปร่วมชุมนุมกลุ่มพันธมิตร   ไว้ขอสักอัน

ไอเดียเจ๋งจริงๆ  ไม่รู้ว่า ไอเดียใคร

ใครมีไอเดียจะต่อยอด  ก็เชิญได้เลยนะ

คิดอยู่เหมือนกันครับ

พอดีฟังการประชุมสมาชิกรัฐสภาแล้วก็ได้แต่ปลงว่าคนที่พูดๆ เนี่ยไม่ได้ให้ทางออกกับประเทศเลย

สำหรับการใช้ TRIZ กับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองตอนนี้ที่ผมคิดออกคือใช้หลักการ Segmentation หรือ Extraction ครับ

อาจทำได้โดยแบ่งแยกงานที่พันธมิตรเห็นว่ารัฐบาลนี้ "ไม่ควรทำ" ออกไป เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ, การอนุมัติจัดเช่ารถเมล์, ร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับระบอบทักษิณ ฯลฯ

ก็เป็นที่รู้กันว่านายกฯ และรัฐบาลนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก (รอคำตัดสินยุบพรรค ฯลฯ) ดังนั้น ช่วงนี้รัฐบาลก็ทำหน้าที่บำบัดทุกข์ และแก้ไขปัญหาอื่นๆไปพลางๆ ครับ ส่วนประเด็นที่จะเป็นข้อขัดแย้งก็ "หยุดทำหน้าที่" ครับ

นึกออกอีกอันนึงครับ

Consolidation จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รวมฝ่ายค้าน,รัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาเข้าด้วยกัน

ปัญหาความขัดแย้งเกิดจากหลักวิศวกรรม แก้โดย หลักวิศวกรรม ...(TRIZ)...

ปัญหาที่เกิดจากภาพ แก้ด้วย ภาพ....

ปัญหาที่เกิดจาก ความคิด แก้ด้วย ความคิด....

หนังสือเล่มเดียวสร้างสงครามโลกได้....

.....รัฐบาล ทำผิด....จริงหรือ...?

....พันธมิตร ทำผิด.....จริงหรือ...?

คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถ สร้างหรือแก้ไขสถานการณ์ได้...

..ขอโทษครับ...ขอบคุณค่ะ...ยินดีครับ...เช่นกันค่ะ...

ความคิด.... ไม่ควรถูกครอบงำด้วย มุมมองของรัฐบาล

ความคิด.... ไม่ควรถูกชี้นำด้วย แนวคิดพันธมิตร

สิ่งที่ควรใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือองค์ในหลวง ท่านว่าอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น..พอเพียง..

............เทคโนโลยีคือความสนุก ความสุข คือชีวิตที่พอเพียง......(^_^)

ผมเห็นต่างจากคุณ nong zzzz บ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ

การเมือง การปกครอง จัดว่าเป็น Technical System หรือ Non- Technical System กันแน่ ??

ถ้าเรามองเป็น Technical System เช่น มี Power-Source, Engine, Transmission  WU (Working Unit) และมี Control Unit จนกระทั่งได้ Product และ Useful Function ของระบบ

ถ้าองค์ประกอบของระบบ ส่วนใดไม่ Function ก็ไม่ได้ UF ตามที่ต้องการ

การที่เรามองระบบใดๆ หาก Take แนวคิดเชิงระบบเข้าไป ก็จะทำนายอนาคตได้ (ผ่าน Evolution) เพียงแต่นานเท่าไร เมื่อไหร่ (บ้านเรา ท่านอดีตนายก มรว คึกฤทธิ์ กล่าวไว้ ประมาณว่านานมาก นับ 100 ปี ผมอาจจำคลาดเคลื่อนได้)

ถ้าผู้คนส่วนใหญ่ใช้เพียงความคิดของตนและหมู่คณะ ก็ยากนานกว่าจะไปถึงวันนั้น เหตุเพราะ มนุษย์ไม่ใช่ Technical System

มนุษย์ก็มักจะมีอารยะธรรมที่ก่อเกิดระบบใดๆ (System) เพียงชดเชยความไม่น่าเชื่อถือของมนุษย์เอง รวมถึงการแก้ปัญหาที่เดิมนั้นไม่สร้างสรรค์ ใช้อัตตา และความรุนแรง

หากเรามองความน่าเบื่อ และความเลวร้ายในระบบการเมืองเป็น Harmful Function/Effect แล้วนั้น วิวัฒนาการทางการเมืองจะเกิดรูปแบบ 2 ทิศทางคือ

1. การหายไปของระบบย่อย Function ที่เป็นประโยชน์จะย้ายไปปรากฏที่ระบบย่อยอื่นๆ หรือ Super System ทั้งนี้เพื่อเอาชนะความขัดแย้ง หรือ

2. การกำเนิดใหม่ของระบบย่อย เพื่อเอาเพิ่มเติม MUF ที่ขาดหายไป และเอาชนะความขัดแย้งเช่นกัน

เพื่อความปลอดภัยของ Board นี้ ก็ไม่ควรประเมินว่าอะไรเกิดและอะไรจะหายไป แต่หากมอง ผ่านไปข้างหน้า หากทุกองค์ประกอบในระบบรู้จัก Function ของตนเอง (ที่ไม่ใช่แค่ไปกากบาท แล้วปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้ โดยธรรมชาติคนที่อยู่ตรงนั้น ก็อาจเกิดกิเลส ทำผิดได้) มีความรู้ความเข้าใจในการปกครอง และการอยู่รวมกันในสังคม มีสติและให้อภัย

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการเมืองการปกครองของบ้านเรานั้น หากมองในเชิงบวก นี่คือเส้นทางสู่อารยะธรรมประชาธิปไตย

และทำใจได้ว่า จะเกิดขึ้นอีก เพียงแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ หากทุกคนรู้จักหน้าที่ รู้จักทำอะไร เพื่อคนรุ่นถัดไปบ้าง

โพสต์กระทู้นี้คงไม่กระทบกับ State of Emergency นะครับ

เห็นสภาพบ้านเมืองตอนนี้ เลยขอกลับมา Re-Activate กระทู้นี้

วันนี้ (ช่วง 6 โมงเย็น)ได้เห็นตัวอย่างการพยายามแก้ปัญหาความขัดแย้ง สุดท้ายเราก็พยายามใช้สิ่งเดิมๆที่มีเพื่อแก้ปัญหา ใช้การ Brainstorming สุดท้าย Solution ที่พยายามนำเสนอมันก็เลยไม่ Breakthrough

และดูเหมือนประเด็นของการพูดคุยกัน ไปจับตาที่ผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ได้พุ่งประเด็นไปที่ ความขัดแย้ง ทั้งๆที่มันชัดเจน (ตามรูปแบบของ TRIZ ให้หาความขัดแย้งให้เจอ แล้วกำจัดความขัดแย้ง เสนอ Solution ที่ตอบความต้องการทั้งหมด)

และนี่ก็เป็นตัวอย่างของกรอบความคิดเดิมๆที่ยึดติด เครื่องมือเดิมๆ ได้ผลเดิมๆ แล้วก็ไม่กล้าที่จะคิดใหม่ ไม่มองหาระบบ หรือเครื่องมือทางการเมือง การปกครอง(ในระบอบนี้)ใหม่ๆ แล้วก็แถลงออกมาว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งๆที่ไม่ใช่ ลองไปถามเด็กที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้ง ก็ยังตอบได้ ว่าไม่ใช่ทางออก และไม่เข้าใจ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ กลับนั่งดูประเทศพังได้อย่างไร

บ้านเรานี่แปลก มีผู้นำที่ไม่สมบูรณ์ในตัว เราอยากได้คนเก่ง คนดี กล้าหาญ มีสติ เสียสละและรู้จักให้อภัย กวาดตามองทั้งสองฝ่ายก็ไม่พบความสมบูรณ์

ไม่ว่าจะสะบักสะบอมเพียงใด ก็คงผ่านไปได้ เพราะดูแล้ววิกฤตนี้ไม่กระทบ เพราะมันไม่มีอะไรให้กระทบ แย่สุดๆแล้ว (ยืมคำพูดของ TDRI มา) ยกตัวอย่างเช่น การขนส่งทางอากาศก็คงหยุดเอง แม้ไม่ปิดสนามบิน

แค่กลับมาอ่านคำตอบที่เคยตอบไว้ แล้วตัดความรู้สึกและอารมณ์ออกไป พยายามนึกว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ดูว่าคงมีอีกหลายทาง

Use model - using a copy or surrogate which will overcome inherent system limitations.

 In stead of clapping your hand to generate noise and sound,  a hand-clapping tool is used in the anti-Thaksin-nominee government movement to increase its' performance and reduced harmful effect such as pain in the hands and energy used.

But it can not be seen so colorfully at night, some function should be integrated to the hand-clapping tool. (see Integrate) 

 A hand-clapping tool is used in the anti-Thaksin-nominee government movement to increase its' performance and reduced harmful effect such as pain in the hands and energy used.

But it can not be seen so colorfully at night, some function should be integrated to the hand-clapping tool.  This comes the idea of putting LED on the hand-clapping tool to make it more colorful at night.

มือตบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

มือตบ

การใช้มือตบระหว่างการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551

มือตบ เป็นอุปกรณ์เชียร์กีฬาที่ทำด้วยพลาสติกสี สดใส รูปร่างเลียนแบบมือของมนุษย์ 3 ชั้นยึดติดกัน มีด้ามจับ เมื่อเขย่าจะมีเสียงดังจากชิ้นพลาสติกที่กระทบกัน คล้ายเสียงปรบมือ ใช้ตบทำเสียงแทนการตบมือ

มือตบผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศจีน ผลิตออกมาเพื่อสำหรับเด็กเล่น จนกระทั่ง ค.ศ. 1963 สหรัฐอเมริกาได้นำมือตบนี้ไปใช้ในการเชียร์กีฬาแต่ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เมื่อถึงปี ค.ศ. 1984 สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคครั้งที่ 23 กองทัพนักกีฬาและกองเชียร์ของประเทศจีนได้ใช้เมื่อตบในการเชียร์ ทำให้คนอเมริกาเริ่มหันมาสนใจมือตบและนำไปใช้อย่างกว้างขวาง โดยเป็นที่นิยมใช้ในการเชียร์บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ^[1] ในทวีปเอเชีย เริ่มใช้ในประเทศจีนในการเชียร์มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง

สำหรับในประเทศไทย มือตบเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างมากในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในปี พ.ศ. 2551^[2] เริ่มเป็นที่นิยมเมื่อ อัญชลี ไพรีรัก และกมลพร วรกุล นำมาใช้ขณะจัดรายการเล่าข่าว ออกอากาศทาง ASTV และเมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมือง นำขึ้นมาใช้บนเวที เพื่อตอบโต้นายสมัคร สุนทรเวช ที่กล่าวหาว่า มี "มือที่มองไม่เห็น" อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของพันธมิตรฯ^[3]

ผู้เข้าร่วมชุมนุมนอกจากจะซื้อใช้ในการเชียร์การปราศรัยบนเวทีแล้ว ยังซื้อกลับมาฝากคนที่รู้จักหรือลูกหลาน หรือใช้ในงานเลี้ยง ^[4] ถึงขนาดมือตบขาดแคลน^[5] และมีการทำเสื้อยืดลาย นักรบมือตบ ออกมาจำหน่าย มีผู้เปรียบเทียบว่าเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้แบบอารยะขัดขืน ของผู้ชุมนุม^[6]

นอกจากนี้แล้ว มือตบยังเป็นอุปกรณ์ใช้ในการขับไล่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย

[แก้] ตีนตบ

ปัจจุบันได้มีการสร้าง ตีนตบ หรือเท้าตบขึ้นมาใช้ โดยกลุ่มต่อต้านพันธมิตร เพื่อเป็นการแก้ทางมือตบ^[7] โดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อล้อเลียนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ^[8]